ประวัติศาสตร์ 5,000 ปี แห่งการ “แต่งหน้า” สะท้อนสังคมของผู้หญิงในอดีตถึงปัจจุบัน!!
ถ้าใครอยากหัดแต่งหน้า เพียงแค่คุณเข้าไปในยูทูบ ก็จะมีคลิปวิธีสอนแต่งหน้าอยู่หลากหลายรูปแบบ เป็นพันๆคลิปเลยก็ว่าได้ บางคนก็แต่งหน้าเป็นอาชีพหลัก ว่าแต่การแต่งน้านี่มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนกันนะ แล้วทำไมมันต้องเป็นของที่คู่กับ “ผู้หญิง” มาตลอดด้วย
Lisa Eldridge เธอเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ และเป็นนักเขียนเจ้าของหนังสือ Face Paint: The Story of Makeup ที่ได้เขียนอธิบายประวัติศาสตร์การแต่งหน้าที่มีมานานกว่า 5,000 ปี อีกทั้งยังมีคลิปนี้ที่สรุปใจความสำคัญของการแต่งหน้าแต่ละยุค เริ่มจาก…
ยุคอียิปต์โบราณ ถือเป็นยุคบุกเบิกในการแต่งหน้าเลย แต่การแต่งหน้าในสมัยนั้นแต่งทั้งชายและหญิงทุกชนชั้น
ยุคกรีกโบราณ ในยุคนั้นเป็นยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ มีหน้าที่ออกไปทำงานหาเลี้ยง และผู้หญิงอยู่บ้าน ในยุคนั้นจะแต่งหน้าบางๆ เน้นทาหน้าขาว ส่วนแก้มและริมฝีปากจะใช้พืชหรือผลไม้ในการแต่งแต้มสี
ยุคกลาง(ยุโรป) ในตอนนั้นมีคริสเตียนที่ได้ออกมาบอกกล่าวเรื่องราวที่ว่าการแต่งหน้าถือเป็นการหลอกลวง ดังการการแต่งหน้าถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจและบาป
ศตวรรษที่ 16 ถ้าอยู่ในสังคมชนชั้นสูงในเวนิส ถือว่ามีอะไรให้แต่งเยอะเลย เพราะที่นั่นถือเป็นเมืองแฟชั่นแห่งการแต่งหน้าของคนรวยเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่เขาเอามานั้นล้วนแต่เป็นของที่มีผลร้ายต่อใบหน้าเป็นอย่างมาก
ศตวรรษที่ 18 การแต่งหน้าในสมัยนี้เหมือนเป็นการบอกสถานะทางสังคม โดยเฉพาะที่ประเทศฝรั่งเศสที่เหมือนเป็นศูนย์กลางการแต่งหน้าทั่วยุโรป การแต่งหน้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการแต่งสีฉูดฉาดด้วยการปัดแก้มแดงๆ
ยุควิคตอเรีย ราชินีวิคตอเรียได้สร้างค่านิยมให้ผู้หญิงแสดงผิวหน้าที่แท้จริงออกมา เพราะการแต่งหน้าแสดงถึงความไม่จริงใจ หลอกลวง ถือเป็นการประพฤติผิด แต่งการแต่งหน้าเข้าสังคมก็ยังมีอยู่ แต่เป็นการแต่งที่อ่อนมากๆ ซึ่งส่วนมากจะแต่งอยู่กันบ้าน ไม่ได้ออกสู่ที่สาธารณะ
ศตวรรษที่ 20 ตอนต้น เป็นยุคแห่งหนังเงียบ โดยมีนักแสดงหญิงคนหนึ่งชื่อว่า Ellora Fiat ที่ปฏวัติการแต่งหน้าให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง อย่างที่เราเห็นก็คือแต่งให้เข้มเป็นสีดำ
ศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย ถือเป็นยุคแห่งเสรีการแต่งหน้า ใครอยากแต่งอะไรก็แต่งได้ แฟชั่นเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ หรือจะไม่แต่งเลยก็ได้